Wireless GO II เป็นไมค์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า นอกจากจะให้เสียงที่มีคุณภาพสูงแล้ว ยังสามารถปรับใช้งานได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ เมื่อเทียบกับไมโครโฟนประเภทเดียวกันอื่นๆ
Rode Wireless Go II ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดท firmware ในหลายๆ เวอร์ชั่น, อุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ออกมาเพื่อใช้งานร่วมกัน, รวมไปถึง software ใหม่ที่พัฒนาออกมาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับไมโครโฟนตัวเล็กรุ่นนี้มากยิ่งขึ้น
และด้วยการพัฒนาที่รวดเร็วนั้นอาจทำให้คุณมองข้ามคุณสมบัติบางอย่างที่อาจช่วยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น – เรามาดู 5 สิ่งที่คุณอาจไม่รู้ว่า Wireless GO II ของคุณทำได้กันค่ะ
สามารถเริ่ม/หยุด การบันทึกเสียงได้จากระยะไกล ด้วยการสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน
ความสามารถในการบันทึกเสียงโดยการส่งสัญญาณไปที่ตัวรับโดยตรงได้อย่างอัตโนมัติ เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ทำให้ Wireless Go II แตกต่างออกไป
คุณสมบัตินี้ไม่เพียงแค่ช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นขณะที่มีการบันทึกเสียง แต่ยังทำให้ Rode Wireless Go II กลายเป็นเครื่องบันทึกเสียงนอกสถานที่แบบ standalone โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย
การบันทึกเสียงในตัวเอง (on-board recording) สามารถตั้งค่าให้มีการบันทึกได้ทันทีเมื่อตัวส่งถูกเปิดใช้งาน หรือจะให้เริ่มบันทึกหลังจากตัวรับและตัวส่งเชื่อมต่อกันแล้วก็ได้ – แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถเริ่มต้นและหยุดการบันทึกได้โดยใช้สมาร์ทโฟนของคุณ?
เพียงต่อตัวรับสัญญาณ Wireless GO II เข้ากับสมาร์ทโฟนและเปิดแอป RØDE Central (สำหรับ iOS หรือ Android) นอกจากจะเปลี่ยนการตั้งค่าของตัวรับได้แล้ว คุณยังดูได้ว่ามีการเชื่อมต่อตัวส่งสัญญาณใดอยู่ และเปลี่ยนการตั้งค่าได้ เพียงสลับฟังก์ชัน 'Record' เป็น 'Off' เพื่อหยุดการบันทึก และ 'Backup' เพื่อเริ่มการบันทึก จากนั้นกด ‘Apply’
สามารถบันทึกไฟล์เสียงในตัว (on-board recording) ได้ยาวนานถึง 40 ชั่วโมง
Rode Wireless GO II สามารถจัดเก็บไฟล์เสียงที่ผ่านการบีบอัดแล้วได้นานกว่า 40 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าไมโครโฟนอื่นๆ ในตลาดอย่างเห็นได้ชัด
หากต้องการเปิดใช้งานโหมดบันทึกเป็น 'Compressed' ให้เสียบ Wireless GO II เข้ากับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพา เปิดแอพ RØDE Central และเลือก 'Standard Quality (Compressed)'
เมื่อเลือกเป็นโหมด 'Compressed' แล้ว ความสามารถในการบันทึกจะเพิ่มขึ้นจาก 7 ชั่วโมง (โหมด uncompressed) เป็น 40 ชั่วโมง นี่คือสิ่งที่ Rode Wireless Go II สามารถทำได้มากกว่าที่คุณคิด แม้ว่าจะบันทึกการถ่ายทำที่ยาวนานนอกสถานที่
Wireless GO II ใช้อัลกอริทึม (algorithm) ในการบีบอัดที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทำให้คุณภาพเสียงที่ออกมาจากการเลือกโหมด ‘Compressed’ ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพระดับบรอดแคสท์ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลว่าการบันทึกไฟล์เสียงของคุณจะถูกลดทอนประสิทธิภาพลง
Low Sensitivity Mode
ไม่มีอะไรที่จะน่าผิดหวังไปกว่าการที่ต้องดึงเสียงขึ้นในขั้นตอนของ Post-production หรือพบว่าไมโครโฟนของคุณถูกตัดเสียงในบางจุดระหว่างการบันทึก ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปได้ยากมาก แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถลด gain (ค่าความดัง) input ของเครื่องส่งสัญญาณ (transmitters) เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้?
ในการใช้งานดังกล่าว ให้เปิดโหมด 'Low Sensitivity Mode' ที่ตัวส่งสัญญาณ (transmitters)โดยใช้ RØDE Central เพื่อต่อเข้ากับ input pad ซึ่งจะช่วยลด gain ของ input ลง ทำให้มีโอกาสน้อยที่ไมโครโฟนจะถูกตัดเมื่อใช้บันทึกเสียงที่ดังมาก
‘Low Sensitivity Mode’ จะส่งผลต่อไมโครโฟนและมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อใช้ Wireless GO II คู่กับ Rode Interview GO เพื่อบันทึกการสัมภาษณ์ หรือสถานการณ์ใดก็ตามที่ผู้ให้สัมภาษณ์ต้องพูดใกล้ไมโครโฟน นอกจากนี้ยังส่งผลต่ออินพุต 3.5 มม. กรณีใช้ไมโครโฟนแบบหนีบเสื้อ (Lavalier Mic)
เพื่อให้แน่ใจว่าการบันทึกทุกครั้งจะได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาไม่เพียงแต่ระดับความดังของ input microphone แต่ยังรวมถึงระดับความดังของ output ที่ส่งไปยังอุปกรณ์บันทึกของคุณด้วย Wireless GO II มีระดับ gain output ที่กว้างมาก ทำให้สามารถปรับให้เข้ากับอุปกรณ์ได้หลากหลาย นอกจากการใช้ pad แล้ว อย่าลืมตั้ง 'Fine Gain Control' ของ Wireless GO II เพื่อให้ตรงกับ output level ของกล้องของคุณด้วยนะคะ
คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่า gain ของ Wireless GO II ได้ที่นี่
สามารถใช้งานร่วมกับ Rode Connect
คุณรู้หรือไม่ว่า Wireless GO II เป็นไมโครโฟนชนิดเดียวที่สามารถใช้กับ software สำหรับ podcast หรือ stream ได้? คำตอบคือ ใช่! ซึ่งสามารถใช้งานกับ Rode Connect ได้ ทำให้คุณสามารถ podcast หรือ stream เสียงบนคอมพิวเตอร์ด้วยไมโครโฟนไร้สายแต่ยังคงได้เสียงที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับมืออาชีพ
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการ streaming ที่ต้องการการเคลื่อนที่อย่างอิสระ เช่น IRL streaming, presentations, หรือใช้งานในห้องเรียน นอกจากนี้ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสัมภาษณ์ในรายการ podcast หรือแม้การทำรายการ podcast แบบไม่เป็นทางการ ที่ไม่ต้องการอยู่ใกล้กับอุปกรณ์บันทึกเสียงมากๆ ค่ะ
คุณสามารอ่านข้อมูลเพิ่มเติมและ Download Rode Connect ได้ที่นี่
อุปกรณ์เสริมที่จะช่วยปลดล็อกความสร้างสรรค์
นับตั้งแต่เปิดตัว Wireless GO รุ่นแรกเปิดตัวในปี 2019 เราได้มีการพัฒนาอุปกรณ์เสริมมากมายสำหรับไมโครโฟน เพื่อให้ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานในปัจจุบัน
นอกจาก Rode Interview GO ที่เปลี่ยนให้ Rode Wireless Go II กลายเป็นไมโครโฟนแบบพกพาน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการรายงานภาคสนาม หรือ การสัมภาษณ์หน้ากล้องแล้ว ยังมี ‘FlexClip GO’ เป็นลักษณะชุดคลิปจำนวนสามชุด เมื่อติดเข้ากับตัวส่งสัญญาณก็จะสามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น รวมไปถึง ‘MagClip GO’ ทำให้การติดไมโครโฟนบนเสื้อผ้าง่ายดายขึ้น
‘COLORS 2’ ซึ่งเป็น Accessory ที่มีสีสรรค์ให้กับไมโครโฟนและสายเคเบิ้ล ในกรณีที่มีการต่อไมโครโฟนหลายตัว ทำให้ง่ายต่อการแยกแยะ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีสายเคเบิลที่หลากหลายสำหรับเชื่อมต่อ Wireless GO II ของคุณกับอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่สมาร์ทโฟน RØDE SC15 สำหรับอุปกรณ์ iOS, SC16 สำหรับอุปกรณ์ Android, SC17 สำหรับต่อกับคอมพิวเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
Wireless GO II ยังใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ RØDE อื่นๆ อีกเช่น ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณแบบไร้สายให้กับ RØDE VideoMic NTG เพื่อปรับเปลี่ยนเป็นการใช้งานแบบไมค์บูม
และนี่คือ 5 เรื่องที่คุณอาจไม่ทันสังเกตว่า Wireless GO II ของคุณทำได้ สามารถติดตามการอัพเดท feature ใหม่ๆ ได้ในบทความต่อไป จะเป็นเรื่องอะไรนั้นรอติดตามนะคะ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีใช้ Wireless GO II สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Stay Connected
Sign up below to stay up to date with what we are up to!
———-
#PUKKABRANDS
#ตรงงาน
#ตรงเวลา
#ตรงใจ
———-
🎉🎈🎛🔈🎙️📽️🎬🎈🎉
Line ID: @fuzion
Tel: 02-641-4545
Email: [email protected]
———-
Facebook: Fuzion Far East
Fuzion Facebook Group: Fuzion Privilege Group
Youtube subscribe: fuzionfareastbkk
Instagram: fuzionbkk