รู้จักกับ DAC คืออะไร มีผลต่อระบบเสียงยังไงบ้าง

คนที่ทำงานเกี่ยวกับเสียงอยู่ตลอดก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า DAC คืออะไร แล้วมีไว้ใช้ทำอะไรบ้าง แต่สำหรับมือใหม่หรือคนทั่วไปที่ไม่ได้คลุกคลีอยู่กับงานในลักษณะนี้ก็คงจะไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะเป็นอุปกรณ์เฉพาะทาง ซึ่งในบทความนี้จะพามาทำความรู้จักและช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับอุปกรณ์อย่าง DAC กันให้มากขึ้น รวมถึงทำให้ได้รู้ด้วยว่าอุปกรณ์นี้มีความสำคัญต่อระบบเสียงอย่างไรบ้าง

DAC (Digital to Analog Converter) เป็นตัวแปลงสัญญาณที่จะทำหน้าที่ในการช่วยแปลงข้อมูลแบบดิจิทัลให้กลายไปเป็นข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบแอนะล็อก โดยปัจจุบันนี้ทุกอย่างได้กลายมาเป็นสิ่งที่ถูกเก็บเป็นดิจิทัลหมดแล้ว ไฟล์เสียงเองก็เช่นกัน แต่ทั้งนี้ไฟล์เสียงที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล คอมพิวเตอร์จะมีการอ่านค่าออกมาได้เพียงแค่เลข 0 และเลข 1 เท่านั้น ทำให้จำเป็นต้องคิดค้นวิธีการที่จะสามารถเก็บไฟล์เสียงแบบดิจิทัลให้อยู่ในรูปแบบของแอนะล็อกได้

ในการแปลงไฟล์ให้กลายเป็นไฟล์ดิจิทัลก็จะมีการเรียกกันว่า “ADC” (Analog to Digital Converter) แต่หากว่าต้องการที่จะทำการแปลงเอาไฟล์ที่อยู่ในรูปแบบของดิจิทัลให้กลายเป็นออนไลน์ ก็จำเป็นที่จะต้องทำด้วยการใช้ DAC (Digital to Analog Converter) นั่นเอง

ทำไมต้องแปลงจากดิจิทัลมาเป็นแอนะล็อก

ก่อนหน้านี้ก็คงจะทำให้เข้าใจได้มากขึ้นแล้วว่า DAC คืออะไร สิ่งที่หลายคนสงสัยต่อมาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการที่ว่าทำไมถึงต้องนำเอาไฟล์เสียงมาเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในรูปแบบของแอนะล็อก แน่นอนว่าในยุคนี้ก็เป็นยุคดิจิทัลที่จะทำให้การเก็บไฟล์เสียงต่าง ๆ มาอยู่ในรูปแบบไฟล์ดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตามการใช้งาน DAC ก็มีมาเป็นเวลานานหลาย 10 ปีแล้ว แต่ไฟล์ที่ได้จะมีขนาดที่ใหญ่และทำให้เปลืองพื้นที่จัดเก็บมากเกินไป จึงทำให้ต้องหันมาจัดเก็บไฟล์แบบดิจิทัลแทน

เมื่อเป็นเช่นนี้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ตโฟน กล่องทีวีดิจิทัล แท็บเล็ต เครื่องเล่นเพลง เกมคอนโซล หรือว่าเครื่องเล่นซีดี ก็ล้วนแต่สามารถอ่านไฟล์ที่เป็นดิจิทัลได้ แต่ในกระบวนการที่จะอ่านไฟล์ได้นั้นก็จำเป็นจะต้องทำให้ไฟล์กลายมาอยู่ในรูปแบบแอนะล็อกเสียก่อนที่จะส่งออกไป

DAC มีกี่ประเภท

ในส่วนต่อมาที่อยากให้ได้ทำความเข้าใจกันก็คือ เรื่องของประเภท DAC ที่ควรจะรู้เอาไว้ด้วยว่าจริงๆ แล้วมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทเป็นอย่างไรบ้าง โดยปัจจุบันสามารถที่จะแบ่งประเภทของ DAC ได้หลักๆ 3 ประเภท ดังต่อไปนี้

1.Portable DAC

Portable DAC คือ DAC แบบพกพาที่มีขนาดกลาง โดยขนาดจะมีความใกล้เคียงกับสมาร์ตโฟนที่ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้เลย ทำให้มีข้อดีตรงที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้กับสมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์ได้ด้วย

2.Portable USB DAC

Portable USB DAC จะมาในรูปแบบของ Thumb Drive ที่เรียกได้ว่าได้รับความนิยมมากทีเดียวในขณะนี้ เนื่องจากว่าสามารถแปลงสัญญาณได้ดี และยังพกพาได้สะดวกด้วยเช่นกัน ที่สำคัญน้ำหนักเบา และสามารถใช้งานได้เลยแบบไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้ยุ่งยาก

3.Desktop USB DAC

Desktop USB DAC คือ DAC ที่มีขนาดใหญ่ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานที่บ้าน และใช้งานอยู่กับที่บนโต๊ะ เนื่องจากจะต้องใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือว่าเครื่องเล่นต่าง ๆ รวมถึงมีน้ำหนักค่อนข้างมากทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่เท่าไหร่

สรุปเกี่ยวกับ DAC คืออะไร

จากที่กล่าวมานี้ก็เป็นข้อมูลที่ช่วยให้ทุกคนรู้แล้วว่า DAC คืออะไร และมีกี่ประเภทแบบไหนบ้าง โดย DAC ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญของระบบเสียง เนื่องจากสามารถช่วยทำให้เสียงที่ได้นั้นดีมากขึ้น ซึ่งเสียงจะดีมากน้อยแค่ไหนก็มาจาก DAC ที่เลือกนำมาใช้นั่นเอง รวมถึงยังขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคนด้วยว่าต้องการเสียงแบบไหน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อ DAC คืออุปกรณ์ที่สำคัญต่อระบบเสียง ผู้ที่ให้บริการเครื่องเสียงหรือต้องทำงานเกี่ยวกับเสียงก็ควรค่าแก่การมีอุปกรณ์นี้ติดตัวไว้