“ไมโครโฟนไร้สาย” หรือไมค์ลอย เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ และถูกนำเอามาใช้เยอะมากที่สุดในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสด, ไลฟ์ซาวด์, การประชุม หรือตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่ต้องเน้นความคล่องตัว จะพบเห็นการใช้ไมโครโฟนประเภทนี้เป็นเรื่องปกติ โดยไมโครโฟนประเภทนี้จะมีความท้าทายอย่างมากในเรื่องของการส่งสัญญาณ ซึ่งเทคโนโลยีที่จะจะเข้ามาช่วยให้ไมโครโฟนประเภทไร้สาย มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็คือ ระบบ True Diversity นั่นเอง
ไมโครโฟนไร้สายคืออะไร?
ไมโครโฟนไร้สาย เป็นไมโครโฟนที่มีการพัฒนา และต่อยอดมาจากไมโครโฟนแบบใช้สาย ที่ใครหลายคนอาจจะเคยเห็นบ่อยๆ ในอดีต โดยไมโครโฟนประเภทไร้สาย จะมีการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน ให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น สร้างความยืดหยุ่นในการใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะต้องแลกมาด้วยสัญญาณรบกวน ที่จะมีมากกว่าไมโครโฟนประเภทใช้สาย ที่มีความเสถียรในการรับส่งสัญญาณที่มากกว่า
การทำงานของไมโครโฟนไร้สาย
โดยปกติแล้วการทำงานของไมโครโฟนทั่วไป คือ การส่งสัญญาณเสียงจากไมโครโฟน ไปยังตัวรับสัญญาณที่ปัจจุบันจะใช้คลื่นวิทยุในการส่งสัญญาณ และคลื่นสัญญาณที่นิยมใช้ส่วนใหญ่มักเป็นย่าน UFH หรือ Ultra-High Frequency (คลื่นความถี่สูงพิเศษ) ที่จะมีความถี่อยู่ในช่วง 300 MHz ไปจนถึง 3 GHz
แต่ว่าด้วยเรื่องของกฎหมายในการใช้งานความถี่ ไมโครโฟนไร้สาย หรือไมค์ลอยในประเทศไทย จึงถูกจัดสรรให้ใช้งานได้เพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น คือย่านความถี่ 694-703 MHz หรือ 748-758 MHz ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
และนอกจากย่านความถี่ที่ว่าแล้ว ยังมีการพัฒนาและนำเอาย่านความถี่ดิจิตอล 2.4 GHz ISM Band (Industrial Sciences Medicine) นำเอามาใช้งานด้วยเช่นกัน โดยไม่ต้องมีเอกสารจดทะเบียนรับรองมาตรฐานสินค้าตามกฎหมาย เพียงแต่ต้องมีใบรับรองตนเองของผู้ประกอบการจาก กสทช เท่านั้น
True Diversity คืออะไร?
เมื่อเข้าใจถึงการทำงานของไมโครโฟนไร้สายกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ True Diversity กันบ้างว่าคืออะไร ระบบ True Diversity กล่าวคือ เทคนิคการรับสัญญาณที่จะใช้เสาอากาศจำนวน 2 เสา เพื่อทำการกำจัด Dropout ที่เกิดขึ้น เมื่อสัญญาณจากเครื่องส่งสัญญาณหลายตัว เดินทางมาถึงเครื่องรับสัญญาณในเวลาที่ต่างกัน ซึ่งการ Dropout ที่ว่าอาจเกิดจากสัญญาณที่อ่อน และทำให้เกิดเสียงฟู่ ระบบ True Diversity จึงเป็นระบบที่จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบเสาอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาเสาอากาศต้นที่สามารถจับสัญญาณได้แรงกว่า เสถียรมากกว่า ทำให้การรับส่งสัญญาณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทำไมไมโครโฟนไร้สายต้องมี True Diversity
ไม่ว่าจะเป็นไมโครโฟนไร้สายที่ใช้สำหรับการแสดงสด, ไลฟ์ซาวด์, ไมค์ประชุมไร้สาย หรือเป็นไมโครโฟนที่ใช้ในงานอีเว้นท์ก็ตาม ตัวไมโครโฟนจะทำการแปลงสัญญาณเสียงผู้พูด ให้กลายเป็นสัญญาณดิจิตอล และทำการส่งข้อมูลดิจิตอลที่ได้ ไปทางอากาศในรูปแบบของคลื่นวิทยุ และส่งไปยังเครื่องรับสัญญาณอีกที ซึ่งระยะทางในการรับ-ส่ง ที่ไกลออกไป อาจทำให้ข้อมูลที่ถูกส่งมีการตกหล่น หรือ Dropout อย่างที่ได้มีการกล่าวไป
ดังนั้นหากไม่อยากให้คุณภาพเสียงที่ได้มีคุณภาพที่ลดลง หรือมีการขาดช่วงในบางครั้ง ระบบ True Diversity จะเป็นระบบที่สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาส่วนนี้ และทำให้คุณภาพของเสียงที่ได้นั้นดีอย่างที่ควรจะเป็น
สรุปบทความ
ระบบ True Diversity ถือเป็นระบบที่มีความสำคัญอย่างมาก สำหรับไมโครโฟนไร้สาย เป็นระบบที่จะปรับปรุงคุณภาพในการรับสัญญาณโดยรวมได้ อีกทั้งยังเพิ่มระยะการรับส่งสัญญาณให้ไกลมากขึ้นได้อีกด้วย ทำให้ผู้ที่ใช้ไมโครโฟนไม่ต้องกังวลว่าสัญญาณจะขาดหายในระหว่างที่พูด นอกจากนี้ไมโครโฟนประเภทไร้สาย ที่มีระบบ True Diversity จะสามารถคงคุณภาพของการส่งสัญญาณ ไม่มีสัญญาณขาดหาย จึงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้พูดได้ด้วย เหมาะอย่างมากสำหรับการพูดที่จำเป็นต้องใช้เสียงระดับมืออาชีพ อย่างเช่น การประชุม, การสัมมนา หรือกิจกรรมอื่นๆ เป็นต้น และหากคุณอยากได้ไมโครโฟนประเภทไร้สายคุณภาพดี เพื่อนำเอาไปใช้งาน สามารถเลือกซื้อได้ที่เว็บไซต์ Fuzion Far East ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบเสียงระดับมืออาชีพได้เลย
