สำหรับงานที่ต้องใช้เสียงนั้น สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คงหนีไม่พ้น ไมโครโฟน อุปกรณ์สำคัญที่จำเป็นต้องมี เพราะไมค์นอกจากที่จะสามารถช่วยให้เสียงมีความเด่นชัดมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ได้เสียงที่ดีที่สุดออกมาด้วย โดยอาชีพที่ต้องใช้เสียงและจำเป็นต้องมีไมค์ไว้ใช้งานนั้นก็มีอยู่ไม่น้อยเลย แน่นอนว่าจะต้องมีมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการและอยากที่จะมีไมค์เป็นของตัวเองสักตัว แล้ววิธีการเลือกไมโครโฟนสำหรับมือใหม่ต้องเลือกอย่างไรให้ใช้งานได้จริง ในบทความนี้จะมาบอกกัน
รวม 5 วิธีการเลือกไมโครโฟนให้ใช้งานได้จริง
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าไมโครโฟนเป็นอุปกรณ์สำคัญมาก ๆ ของคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับเสียง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อไมค์ดี ๆ เอาไว้ให้ตัวเองสัก 1 ตัว แต่สำหรับมือใหม่แล้วก็อาจจะยังไม่เข้าใจว่าจะต้องเลือกอย่างไร เพราะกลัวซื้อมาแล้วหากใช้ไม่ดีก็เท่ากับว่าเสียเงินฟรีไปอีก ดังนั้นจึงอยากจะมาแนะนำวิธีการเลือกไมค์สำหรับมือใหม่ให้ไมค์ที่ดี ตอบโจทย์ และสามารถใช้งานได้จริง
1. เลือกไมโครโฟนให้ตรงกับการใช้งาน
วิธีการแรกที่ควรใช้ในการเลือกซื้อไมค์ คือ การเลือกไมโครโฟนให้ตรงกับการใช้งาน โดยควรที่จะเลือกไมค์ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ของการใช้งาน ว่าจริง ๆ แล้วต้องการซื้อมาเพื่อใช้ทำอะไร เช่น ซื้อมาเพื่อใช้ในการร้องเพลง หรือซื้อมาเพื่อใช้ในการพูด ซึ่งการที่จะต้องเลือกไมค์ให้เหมาะสมนั้นก็เพราะว่าไมค์แต่ละแบบมีคุณสมบัติและมีการทำงานที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงควรเลือกให้ตรงกับการใช้งานมากที่สุดเพื่อให้ได้เสียงที่ดีตรงตามที่ต้องการ2.ดูรูปแบบเชื่อมต่อของไมค์
วิธีการต่อมาที่ต้องใช้ในการเลือกซื้อไมโครโฟน คือ การที่จะต้องดูรูปแบบเชื่อมต่อของไมค์ เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้มีไมค์ให้เลือกซื้อหลายรูปแบบมาก ๆ ในเรื่องของรูปแบบเชื่อมต่อไมค์เองก็มีเทคโนโลยีที่หลากหลายด้วยเช่นกัน ซึ่งการเลือกไมค์ที่ดีและสามารถใช้งานได้จริงก็จำเป็นที่จะต้องเลือกแบบที่สามารถเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะการที่สามารถเชื่อมต่อได้ด้วย 3.5 mm minijack, USB หรือ XLR สำหรับรูปแบบเชื่อมต่อแบบ 3.5mm minijack, USB และ XLR ของไมค์นั้นก็มีข้อแตกต่างอยู่หลากหลายอย่างเลย ในเรื่องของราคาไมค์ที่มีระบบเชื่อมต่อแบบ USB จะมีราคาที่แพงกว่า และที่สำคัญยังสามารถใช้งานได้ง่ายกว่า เพราะเพียงแค่ต่อตรงเข้าที่ PC ก็สามารถใช้งานได้เลยทันที, รูปแบบการเชื่อมต่อแบบ 3.5 mm minijack จะนิยมใช้งานในส่วนของไมโครโฟนสำหรับกล้อง หรือโทรศัพท์ รวมถึงไมโครโฟนสำหรับหนีบปกเสื้อ ส่วนรูปแบบเชื่อมต่อแบบ 3.5 mm. และ XLR จะต้องอาศัยตัวแปลงสัญญาณเสียง เช่น ออดิโออินเตอร์เฟส เพื่อต่อเข้า PC และแท็บเล็ทหรือสมาร์ทโฟนอีกที หรือจะต้องใช้งานกับมิกเซอร์ถึงจะสามารถใช้งานได้นั่นเอง3. เทคโนโลยีของไมโครโฟน
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าปัจจุบันนี้การเลือกซื้อไมโครโฟนเป็นสิ่งที่มีให้เลือกหลากหลายมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปและมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้เทคโนโลยีของไมค์ในขณะนี้ก็ผ่านการพัฒนาให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีฟังก์ชันรองรับการใช้งานทุกรูปแบบที่ต้องการด้วย อย่างไรก็ตามในการเลือกซื้อก็ควรเลือกจากไมค์ที่มีเทคโนโลยีที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง เพื่อให้ซื้อมาแล้วสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด4. รูปแบบการรับเสียง
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ ต่อการเลือกซื้อไมค์ ก็คือ เรื่องของรูปแบบการรับเสียง โดยปกติรูปแบบการรับเสียงของไมโครโฟนจะมีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่- คาร์ดิออยด์ (Cardioid) เป็นรูปแบบเสียงที่จะสามารถรับเสียงจากด้านหน้าได้ดี โดยจะเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้ไมค์เพื่อการเก็บเสียงพูด การร้องเพลง หรือว่าการทำรายการพอตแคสต์ เนื่องจากว่าจะเน้นไปที่การรับเสียงจากทางด้านหน้าหรือเสียงของผู้พูด แต่จะรับเสียงที่อยู่รอบข้างได้น้อยลง จึงทำให้มีเสียงรบกวนเข้ามาน้อยมาก ๆ
- ออมนิไดเรคชันนอล (Omnidirectional) ออมนิไดเรคชันนอล เป็นรูปแบบเสียงที่จะสามารถรับเสียงได้แบบรอบทิศทาง โดยก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมต่อการใช้งานด้านการเก็บเสียงโดยรวม และไม่ได้กำหนดทิศทางในการเก็บเสียงที่ชัดเจนเอาไว้ เนื่องจากว่าไมค์สามารถรับเสียงได้อย่างชัดเจน จึงทำให้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งต่อการนำไปใช้เพื่อเก็บเสียงดนตรี หรือว่าเสียงที่ได้จากการบันทึกเสียงของบรรยากาศรอบ ๆ
- ไบไดเรชันนอล (Bidirectional) ไบไดเรชันนอล หรือ ฟิกเกอร์ออฟเอธ (figure of eight) เป็นรูปแบบเสียงที่จะสามารถรับเสียงได้จากทั้งสองด้านของไมโครโฟนเลย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เหมาะกับการใช้งานที่เสียงจะมาจากทางผู้พูดหรือแหล่งกำเนิดเสียงอื่น ๆ ที่อยู่ 2 ฝั่งได้ เช่น การพูดคุยโต้ตอบกันอย่างการสัมภาษณ์ หรือการเก็บเสียงทั้งจากฝั่งดนตรีและผู้ร้อง