ในโลกเครื่องเสียงที่ไม่หยุดนิ่ง ชื่อหนึ่งที่โดดเด่นอยู่แถวหน้าวงการคือ DiGiCo เราจะฉายภาพให้เห็นถึงความสำคัญของ DiGiCo ในอุตสาหกรรมนี้ว่า เหตุใดจึงน่าเสียดายอย่างยิ่งหากคุณยังไม่รู้จัก DiGiCo ไม่ว่าคุณจะเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์ โปรดิวเซอร์ หรือผู้บริการให้เช่าเครื่องเสียง ตลอดจนเจ้าของธุรกิจอื่นๆ การทำความเข้าใจและนำข้อมูลต่างๆ ไปใช้ประโยชน์ อาจสามารถเปลี่ยนอาชีพของคุณได้อย่างมาก
DiGiCo เป็นบริษัทเอกชน ก่อตั้งขึ้นในอังกฤษ ปัจจุบันแบรนด์นี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก พวกเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่เปลี่ยนเกมวงการตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2002 พวกเขาผลิตมิกเซอร์ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องเสียงระดับอาชีพ ผู้คนนำไปใช้กันอย่างถล่มทลาย เห็นได้ชัดว่าคอนโซลมิกเซอร์รุ่นต่างๆ ถูกใช้ในเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลก
สิ่งที่ทำให้ DiGiCo แตกต่างคือความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันของดิจิทัลมิกเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง และใช้งานง่าย ควบคู่กับคุณภาพเสียงที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ พวกเขาได้กำหนดนิยามใหม่ของสิ่งที่เป็นไปได้ในวงการโปรดักชั่นและระบบขยายเสียงสำหรับการแสดงสด
ถ้าใครยังไม่รู้จักศักยภาพของ DiGiCo แสดงว่าพวกเขากำลังพลาดเรื่องสำคัญ เพราะผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับงานโปรดักชันสมัยใหม่ เราจะเจาะลึกเข้าไปในโลกของ DiGiCo และสำรวจว่า เหตุใดการทำความรู้จักกับแบรนด์นี้ จึงสามารถให้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย
ก่อนการมาของ DiGiCo
ปัญหาหนึ่งที่เห็นชัดคือผู้ใช้งานต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ก่อนลงภาคสนาม แม้แต่ซาวด์เอ็นจิเนียร์ที่ประสบความสำเร็จก็ยังต้องมานั่งเชื่อมต่อสายสัญญาณต่างๆ เอง เพื่อระมัดระวังเรื่องความถูกต้อง ให้ได้เสียงที่ต้องการ ทำให้งานแสดงสดยุคนั้นเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นระทึกเป็นพิเศษ แถมคุณภาพเสียงมักจะถูกลดทอนลง ช่วงเวลานั้นตลาดเกิดช่องว่างที่ชัดเจน คือตลาดมีความต้องการ digital mixer ที่มีความคุณภาพสูง เพื่อมารองรับงานที่มีรายละเอียดมาก
ในยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง DiGiCo ผู้คนในวงการรู้สึกได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างแรก ให้พิจารณากรณีงานเทศกาลดนตรี (Music Festival) และคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ เป็นเรื่องปกติที่อีเว้นต์เหล่านี้มักต้องการมิกเซอร์ที่มีจำนวนช่องอินพุตและช่องเอาต์พุตจำนวนมาก ที่หลากหลาย โดยวงดนตรีที่แตกต่างกันนั้น พวกเขามีความต้องการไม่เหมือนกัน เช่น การเซตอัพเฉพาะของวง การตอบสนองวงต่างๆ ได้กลายเป็นเรื่องชวนปวดหัว ช่วงเวลาในการสลับวงขึ้นเล่นมักเป็นปัญหา มีช่องว่างของรอยต่อที่ยาวนาน ส่งผลต่อความเพลิดเพลินที่ลดลงของผู้ชมขาดช่วง
digital mixer แบบ analog ไม่สามารถจัดเก็บและเรียกคืนการตั้งค่าสำหรับการทำงานต่างๆ ได้ ซึ่งหมายความว่าเอ็นจิเนียร์ประจำวงต้องปรับคอนโซลด้วยตนเองใหม่ นับเป็นกระบวนการที่น่าเบื่อและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย ปัจจุบันหากไม่มีโซลูชันของ DiGiCo เหตุการณ์เหล่านี้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่อไป
ความเป็นมาของ DiGiCo
การเริ่มต้นของ DiGiCo เกิดจากความต้องการของผู้ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องเสียง ผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์มีประสบการณ์มานาน เขาเข้าใจถึงปัญหาของอุตสาหกรรมนี้ และมีแรงบันดาลใจที่จะสร้างโซลูชันที่จะกำหนดทิศทางวงการใหม่
ในยุคแรกๆ พวกเขาได้เปิดตัว digital mixer รุ่น D5 Live ซึ่งเป็นตัวเปลี่ยนเกม เรียกได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของยุคดิจิทัลมิกเซอร์อย่างแท้จริง ความสำเร็จของผลิตภัณฑ์นี้เกิดจากวิสัยทัศน์ร่วมกันในการออกแบบดิจิตอลมิกเซอร์คุณภาพสูงที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของบรรดาซาวด์เอ็นจิเนียร์ ช่างเทคนิค และศิลปินทั่วโลก
การมาของ DiGiCo นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่ออุตสาหกรรม เพราะเป็นนวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการจัดการช่องสัญญาณหรือที่เรียกกันว่าแชนแนลจำนวนมาก ที่สามารถผสมผสานอินพุตและเอาต์พุตที่หลากหลายได้อย่างยืดหยุ่น รูปแบบการจัดการได้ตามใจถือเป็นสิ่งก้าวล้ำแบบไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้ คอนโซล DiGiCo ยังมีฟังก์ชันที่เรียกว่า ‘Snapshot’ ความเจ๋งของมันคือช่วยให้เอ็นจิเนียร์สามารถจัดเก็บและเรียกการตั้งค่าสำหรับการแสดงต่างๆ กลับมา จึงช่วยลดเวลาและความซับซ้อนของการปรับเปลี่ยนระหว่างการแสดงสดได้
ยุคแรกบริษัทยังแนะนำเทคโนโลยีที่ชื่อ “Stealth Digital Processing” ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ จุดเด่นคือมีพลังการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นและให้คุณภาพเสียงที่เหนือกว่า สิ่งนี้มาพร้อมกับอินเทอร์เฟซหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง กลายเป็นผู้กำหนดมาตรฐานใหม่ว่า ต่อไปนี้ digital mixer ทุกตัวต้องมี
กรณีที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า DiGiCo เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานใหญ่ๆ อย่างไร คือการมีส่วนร่วมในวงจรเทศกาลดนตรีระดับโลก ตัวอย่างเช่น Dave Bracey ซาวด์เอ็นจิเนียร์ชื่อดังซึ่งเคยร่วมงานกับศิลปินอย่าง Adele และ Coldplay มักจะพูดถึงคอนโซลรุ่น SD7 ของ DiGiCo ว่าได้เปลี่ยนประสบการณ์การมิกซ์เสียงของเขา มันให้ความยืดหยุ่นที่เหนือชั้น
มันทำให้เขาสามารถจัดการความซับซ้อนของอินพุตวงดนตรีขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ด้วยการบันทึก (Save) ค่าคอนฟิกที่ตั้งไว้ล่วงหน้า เขาสามารถลดเวลาในการสลับงานระหว่างการโชว์ได้อย่างมาก ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนโชว์ที่ราบรื่นขึ้น ขณะเดียวกันยังรักษาความสนุกสนานของผู้ชมไว้ได้อย่างต่อเนื่อง นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างนับไม่ถ้วนที่แสดงให้เห็นการเข้าสู่ตลาดของ DiGiCo ได้ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อธุรกิจและอีเว้นต์ต่างๆ อย่างไร
ปี | เทคโนโลยี | รายละเอียด |
2002 | Stealth Digital Processing | เปิดตัว “Stealth Digital Processing” ซึ่งเป็นการประมวลผลหลักสำหรับดิจิทัลคอนโซล |
2004 | D5 Live | เปิดตัว D5 Live ซึ่งเป็นคอนโซลดิจิทัลเต็มรูปแบบตัวแรกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับงาน Live Sound |
2007 | SD7 Console | เปิดตัวคอนโซล SD7 ซึ่งมี Enhanced Processing Units (EPU) และมีจอภาพ 2 จอ |
2010 | FPGA Processing | ใช้ชิปการประมวลผล FPGA (Field-Programmable Gate Array) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอนโซล |
2012 | SD5 | เปิดตัว SD5 ซึ่งรองรับจำนวนแชนแนลและบัสที่สูงขึ้น |
2015 | S-Series | เปิดตัว S-Series เป็นรุ่นขนาดเล็กกะทัดรัด ราคาจับต้องได้ มีรุ่น S21 และ S31 ในภายหลัง |
2018 | 32-bit ‘John Stadius’ Mic Pre-Amp | เปิดตัว Mic Pre-Amp 32-bit คิดค้นโดย John Stadius ให้ความเที่ยงตรงของเสียงที่ดีขึ้น |
2020 | Quantum Processing | เปิดตัว Quantum Processing ด้วย Quantum 7 มาพร้อมระบบประมวลผลที่ทรงพลังยิ่งขึ้นและคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การประมวลผลที่ |
ถ้าไม่รู้จัก DiGiCo จะเป็นอย่างไร
สำหรับคนที่ไม่รู้จัก DiGiCo ถือว่ากำลังพลาดที่จะนำเทคโนโลยีขั้นสูงไปใช้งาน หรือแก้ปัญหาบางอย่างของพวกเขา หากไม่มี digital mixer คุณภาพสูงอย่าง DiGiCo พวกเขาอาจติดอยู่กับวิธีการดั้งเดิม ซึ่งใช้เวลาและทรัพยากรในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งบางครั้งผลลัพธ์เสียงก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ
การไม่เลือก DiGiCo ยังไปฉุดรั้งโลกทัศน์ของการทำงานยุคใหม่ ที่ทัวร์คอนเสิร์ตจำนวนมากต้องการความแม่นยำ รวดเร็วฉับไว ยืดหยุ่น และคุณภาพเสียงสูงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ในอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เช่น DiGiCo นั้น ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่มันเป็นสิ่งสำคัญ
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายคนได้พิจารณาข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นและความเสี่ยงของการไม่ใช้หรือทำความเข้าใจกับ DiGiCo
คนแรก John Delf ซาวด์เอ็นจิเนียร์ประจำศิลปินชื่อดังอย่าง The Script, 5 Seconds of Summer และ Lily Allen ให้ความเห็นว่า การไม่นำเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง DiGiCo มาใช้ เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เขาเน้นย้ำว่าเทคโนโลยีของ DiGiCo ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถควบคุมการมิกซ์เสียงได้ผลลัพท์ที่ดีมากขึ้น ทำให้เอ็นจิเนียร์สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในงาน Live Sound ได้ดียิ่งขึ้น หากไม่มีเทคโนโลยีดังกล่าว ก็มีความเสี่ยงที่ผลลัพธ์จะไม่เป็นไปตามมาตรฐานของอุตสาหกรรมที่นับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
มีตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงเพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น โรงละคร เป็นที่ทราบกันดีว่าต้องต่อสู้กับโปรดักชั่นเสียงในระหว่างการโชว์ มิกเซอร์ analog ที่พวกเขาใช้จะไม่สามารถจัดการกับอินพุตจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการแสดงของพวกเขาได้ทันเวลา การไม่มีฟีเจอร์ ‘Snapshot’ หมายความว่าพวกเขาจะมีปัญหากับการเปลี่ยนซีนระหว่างฉากต่างๆ แน่นอน
สิ่งนี้อาจจะส่งผลให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์การฟังที่ต่ำกว่ามาตรฐาน อาจเกิดปัญหาและส่งผลต่อการรับชมของผู้ชมได้ ซึ่งอาจจะทำให้ภาพรวมของงานงานนั้นต่ำกว่ามาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้คอนโซล DiGiCo พวกเขาจะรู้สึกว่าโลกเปิดกว้างขึ้น เหนื่อยน้อยลง มีเวลาไปโฟกัสอย่างอื่น ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อการปรับปรุงในเรื่องคุณภาพเสียงเท่านั้น แต่ยังทำให้เวิร์กโฟลว์ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เห็นชัดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ได้เน้นย้ำถึงหลุมพรางของการไม่รู้จักหรือนำ DiGiCo มาใช้เป็นอย่างไร
ความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
การเลือก DiGiCo สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันต่ออุตสาหกรรมเครื่องเสียงระดับอาชีพ DiGiCo จะช่วยให้ธุรกิจและเอ็นจิเนียร์ สามารถปรับปรุงกระบวนการมิกซ์เสียงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประหยัดเวลาอันมีค่า ให้คุณภาพเสียงที่เหนือกว่า digital mixer คุณภาพสูงนี้ มีการออกแบบให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน มีความยืดหยุ่นสามารถจัดการช่องสัญญาณจำนวนมากและเรียกคืนการตั้งค่าเฉพาะได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการงานอีเว้นต์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่นขึ้น สร้างประสบการณ์ของผู้ชมที่ดีขึ้น และส่งผลให้เกิดความพึงพอใจต่อคู่ค้าให้กลับมาใช้บริการธุรกิจเราซ้ำ
ธุรกิจบริการเครื่องเช่าจำนวนมากที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประสบความสำเร็จจากการนำ DiGiCo ไปผนวกเข้ากับการทำงานของพวกเขาทั้งทางตรงและโดยอ้อม Jon Burton ซาวด์เอ็นจิเนียร์ชื่อดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการร่วมงานกับวงดนตรีอย่าง The Prodigy และ Suede มักจะเน้นย้ำว่าคอนโซล SD10 ของ DiGiCo ได้ปฏิวัติประสบการณ์การมิกซ์เสียงของเขาอย่างไร
เขาได้พูดถึงความสามารถของคอนโซล DiGiCo ในแง่ที่สามารถจัดการอินพุตและเอาต์พุตที่ซับซ้อนได้ยอดเยี่ยม และลูกเล่น ‘Snapshot’ ช่วยให้การทำงานดีขึ้นได้อย่างไร เขาเชื่อมั่นว่าความเข้าใจและการใช้ DiGiCo สามารถสร้างความได้เปรียบอย่างมากในโลกแห่งการแข่งขันของงาน Live Sound
กรณีศึกษาช่วยเสริมข้อดีของการยอมรับ DiGiCo ตัวอย่างเช่น เทศกาลดนตรียอดนิยมที่ครั้งหนึ่งเต็มไปด้วยความยุ่งยากและใช้เวลาในการตั้งค่าคอนโซลที่ซับซ้อน ถูกเปลี่ยนโฉมการทำงานใหม่ด้วยคอนโซล SD9 ของ DiGiCo ซาวด์เอ็นจิเนียร์สามารถเปลี่ยนโหมดไปมาระหว่างโชว์ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการจัดเก็บและการคืนค่าเฉพาะสำหรับโชว์แต่ละครั้ง ผลที่ตามมาคือลดเวลาในการเปลี่ยนผ่านอย่างมาก ส่งผลต่อโชว์ราบรื่นขึ้น และเพิ่มความพึงพอใจต่อผู้ชมและผู้ฟัง
ก้าวสู่ผู้เชี่ยวชาญ
ก้าวแรกสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญ DiGiCo อาจดูน่ากลัว แต่ด้วยแนวทางที่ถูกต้อง มันคือเป้าหมายที่บรรลุได้ เบื้องต้นควรเริ่มต้นด้วยการทำความคุ้นเคยกับพื้นฐานของเทคโนโลยีเสียงดิจิตอล สิ่งนี้จะวางรากฐานที่มั่นคงซึ่งคุณสามารถสร้างทักษะที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ภายหลัง ต่อไป เจาะลึกเฉพาะคอนโซล DiGiCo ที่สนใจ เว็บไซต์ DiGiCo เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะที่นี่จะให้ข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และคุณลักษณะต่างๆ
นอกจากนี้ ฟิวชั่น ฟาร์ อีสท์ ผู้นำเข้า DiGiCo อย่างเป็นทางการ มีความเชี่ยวชาญ พร้อมบริการข้อมูลของ DiGiCo ทั้งในรูปแบบให้คำปรึกษา การจัดอบรมสัมมนาแก่ผู้สนใจ แหล่งข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยการใช้งานอันซับซ้อนของคอนโซล DiGiCo เป็นเรื่องง่ายขึ้น
การเพิ่มพูนความรู้และทักษะของคุณเกี่ยวกับ DiGiCo ต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและลองใช้งานจริง ลองเข้าร่วมการฝึกอบรม หรือเวิร์กชอปที่จัดโดย บจก.ฟิวชั่นฯ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญมาบรรยายเพื่อเปิดโอกาสให้คุณได้เรียนรู้จากสิ่งที่ดีที่สุดในธุรกิจ
สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการเรียนรู้ฟังก์ชันต่างๆ ให้เชี่ยวชาญนั้นเป็นการเดินทางที่ต่อเนื่อง เมื่อคุณเริ่มทำงานกับคอนโซล DiGiCo ให้เริ่มด้วยการตั้งค่าที่ง่ายขึ้น และค่อยๆ ขยับไปสู่ฟังก์ชันที่ซับซ้อนมากขึ้น การฝึกฝนเป็นประจำคือกุญแจสำคัญในการเพิ่มความชำนาญ
อย่าลังเลที่จะทดลองใช้ฟีเจอร์และการตั้งค่าต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าแต่ละฟีเจอร์นำเสนออะไร อัพเดทตัวเองด้วยการติดตามข่าวสารการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดและการอัปเดตจาก DiGiCo และผู้นำเข้า เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตามฟีดแบ็กของผู้ใช้และแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นใหม่
บทสรุป
ในวงการ Live Sound เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การทำความเข้าใจและการใช้ DiGiCo ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญอีกด้วย การถือกำเนิดของ DiGiCo ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วย digital mixer คุณภาพสูง ที่ใช้งานง่าย ช่วยปรับปรุงกระบวนการมิกซ์เสียงให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังนำมาซึ่งมาตรฐานคุณภาพเสียงที่เหนือกว่า และความยืดหยุ่นในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้การจัดการงานแสดงสดราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การันตีจากผู้เชี่ยวชาญหรือซาวด์เอ็นจิเนียร์ระดับโลกที่เลือกแบรนด์นี้ พวกเขาต่างเป็นพยานถึงผลกระทบการเปลี่ยนแปลงของ DiGiCo ต่องานของพวกเขา ตั้งแต่ฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายไปจนถึงคุณสมบัติ ” Snapshot’ ที่เข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนเกม
การไม่เลือก DiGiCo ไม่เพียงทำให้เสียเปรียบคู่แข่ง แต่ยังทำให้พวกเขาขาดเครื่องมือที่สามารถสร้างความพึงพอใจต่อผู้ฟังและคู่ค้า
โดยสรุป หากเลือก DiGiCo ไม่ว่าคุณจะเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์ โปรดิวเซอร์ หรือเจ้าของธุรกิจ การลงทุนเวลาและความพยายามในการเรียนรู้ฟังก์ชันต่างๆ ให้เชี่ยวชาญสามารถให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า โปรดเตรียมทรัพยากรที่จำเป็นให้พร้อม ก้าวกระโดด และเริ่มสำรวจโลกของ DiGiCo ตั้งแต่วันนี้ เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-641-4545 หรือ Line ID: @fuzion